Tip & Trick – Revel Framework


หลังจากศึกษาภาษา Go และนั่งไล่หาเฟรมเวิร์คที่จะใช้เพื่อให้ทุกอย่างง่ายขึ้นก็ใช้เวลาเลือกอยู่นานมากเหมือนกันนะ สุดท้ายก็มาตกที่ Revel Framework

เหตุผลที่เลือก…มาตอนนี้จำไม่ได้ละ เหมือนน่าจะเป็นที่ความง่าย หรือความเร็ว อะไรสักอย่างเนี่ยแหละ ก็เอาเป็นว่า ตอนนี้เคนเลือกตัวนี้ละกัน

วิธีใช้ฟังก์ชั่น Render

คือจริง ๆ ตามเอกสารการใช้งานเค้าเวลาสร้าง Controller มาแล้วจะส่งเป็น html ออกมาก็ทำได้ง่าย ๆ แค่สร้างไฟล์ในโฟลเดอร์ views ตามชื่อ Controller/func name แล้วสั่ง เช่น

type User struct {
  *revel.Controller
}

func (c User) Register() revel.Result {
  return c.Render()
}

ก็ไปทำการสร้างไฟล์ register.html ที่ views/User/register.html มันก็จะไปทำการเรนเดอร์ไฟล์ HTML นั้นให้เลย

แต่หากเราต้องการให้มัน Custom ไม่ใช่ของมันนั้น ต้องใช้ RenderTemplate แทนครับ โค้ดก็จะออกมาหน้าตาแบบนี้

func (c User) Register() revel.Result {
  return c.RenderTemplate("Custompath/register.html")
}

เคนลองมาหลายอย่างอยู่ คือแม้จะ Render ได้ แต่ว่ามันจะมี Error log ไปโผล่ด้วยครับ แต่ถ้าใช้แบบนี้ก็จะโอเคผ่านฉลุย ไร้ Error log ใด ๆ

วิธีส่งค่าพวก moreStyle, moreScript

สำหรับมือเก๋าน่าจะไม่เท่าไหร่ แต่กับมือใหม่อย่างเคน นั่นงงไปเป็นชั่วโมงอยู่ครับ

โดยในหน้า HTML ของ Revel นั้นจะมีส่วนที่มันฝังตัวรับค่าชื่อว่า

{{range .moreStyles}}
  <link rel="stylesheet" type="text/css" href="/public/{{.}}">
{{end}}

{{range .moreScripts}}
  <script src="/public/{{.}}" type="text/javascript" charset="utf-8"></script>
{{end}}

ไว้ที่ header.html ตอนแรกก็นั่งงงว่าจะส่งค่าไปได้ยังไง รู้แค่ว่าต้องส่งเป็น Slice ไปให้มันแน่ ๆ แต่ยังไม่รู้จะเขียนโค้ดยังไง มา! เคนลัดให้เอาโค้ดไปใช้ได้เลย

func (c User) Register() revel.Result {
  c.ViewArgs["moreStyles"] = []string{"style1.css","style2.css","style3.css"}

  c.ViewArgs["moreScripts"] = []string{"script1.js","script2.js","script3.js"}

  return c.RenderTemplate("User/register.html")
}

Custom Error Message ของตัว Validation

ในตัว Revel จะมีตัว Validation สำหรับเช็คให้อยู่แล้ว แต่ดั๊นไม่มีตัวเช็คว่า “มันเหมือนกัน” ก็เลยต้องทำตัวเช็คเอง และก็หาวิธียัด Error ใส่ให้มันก็นานอยู่ แต่พอเจอจริง ๆ ก็ง่ายนะไม่ยาก ก็ล้อตาม Func ของเค้าแหละ

password := "1234"
confirmPassword := "asdf"

if !reflect.DeepEqual(password, confirmPassword) {
  result := c.Validation.ValidationResult(false).Message("รหัสผ่าน และยืนยันรหัสผ่านต้องใส่ให้เหมือนกัน")
  c.Validation.Errors = append(c.Validation.Errors, result.Error)
}

ตั้งค่า/ดึงค่า Session

username := "kanexkane"

// ตั้งค่า Session
err := c.Session.Set("username", username)

// ดึงค่า Session
sUsername, err := c.Session.Get("username")

เช็ค Login และการ Redirect ไป struct package อื่น

ตอนนี้เคนได้สร้างโฟลเดอร์ /admin ขึ้นมาภายใน app/controllers ซึ่งทำให้ต้องใช้ชื่อ  package อื่นนอกจากชื่อหลักของมันซึ่งก็คือชื่อ controllers

เคนเลยทำการตั้งชื่อ package ในโฟลเดอร์ /admin ว่า package controllersadmin

จากนั้นขั้นเริ่มแรกคือต้องเช็คให้ได้ก่อนว่า ถ้าจะเข้ามาหน้านี้ต้องทำการเข้าสู่ระบบนะ ถ้าไม่จะทำการ Redirect ไปที่ User.Login ซึ่งเป็น Struct ที่อยู่ใน package controllers

package controllersadmin

import (
  "projectname/app/controllers"
  "github.com/revel/revel"
)

struct Admin struct {
  *revel.Controller
}

func (c Admin) init() {
  revel.InterceptFunc(IsLoggedIn, revel.BEFORE, &Admin{})
}

func IsLoggedIn(c *revel.Controller) revel.Result {
  userid, err := c.Session.Get("userid")
  if err != nil || userid == nil {
    return c.Redirect(controllers.User.Login)
  }

  return nil
}

หา User Agent และ IP

useragent := c.Request.Useragent()
ip := c.Request.Header.Get("X-Forwarded-For")
0 0 votes
Article Rating
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x