รอบที่เข้าไปครั้งแรกนี้คือรอบ “นัดพร้อม” จากการที่โจทก์ฟ้องศาลแล้วในรอบแรกสุดคือ “ไต่สวนมูลฟ้อง” เราไม่ได้ไปแต่ให้ทนายไป ไปๆ มาๆ ทางโจทก์ก็พยายามจะบอกว่าเราผิดและเอาหลักฐานฝั่งเขามาชี้แจงให้ศาล หลังจากพูดกันเสร็จและศาลก็ให้มีมูลฟ้องก็เลยต้องมาสู้กันต่อ
เนื่องด้วยอันนี้เป็นคดีอาญา เลยต้องมีการวางเงินประกันตัว 100,000 บาทด้วย และหากไม่วางเงินประกันตัวก็ต้องใส่ไอ้ตัว EM อ่ะ ที่ติดไว้ที่ขาไว้ดูว่าเราอยู่ไหนตลอด 24 ชม.
เรื่องรายละเอียดพวกนี้ปล่อยๆ ไปละกัน เวลาเจอกับตัวทนายประจำตัวแต่ละคนก็จะเป็นคนบอกรายละเอียดกันเอง แต่ที่สำคัญที่อยากเล่าคือบรรยากาศภายในศาลมากกว่า
พนักงานแต่ละคนโอเคนะ
จากที่เราได้ไปติดต่อทั้งพนักงานของห้องประชาสัมพันธ์และห้องนัดหมาย หรือห้องบัลลังก์ทุกคนคือดูโอเคหมดเลย พูดจาดี อธิบายดี มีความอดทนในการอธิบายให้เรา บริการดีมากๆ
ห้องบัลลังก์
ตอนไปถึงครั้งแรกนี่บอกเลยว่าโครตตื่นเต้น ในหัวนี่นึกภาพถึงศาลอย่างในซีรีย์เกาหลีเลยแหละ ตื่นเต้นจนแบบหัวใจเต้นรัวๆ เหมือนจะหลุดออกมาเลย ตื่นเต้นมากๆๆๆๆ
พอได้เข้าไปในห้องบัลลังก์ภาพที่เจอสิ่งแรกคือ บัลลังก์ 3 ที่นั่ง แล้วก็ผู้ดูแลห้อง และก็แบ่งโต๊ะ 2 ฝั่งด้านหน้าบัลลังก์ ฝั่งละ 3 ที่นั่ง และถัดมาสุดขอบประตูทางเข้าก็จะเป็นที่นั่งผู้ที่จะพูดกับผู้พิพากษา และก็ด้านข้างจะเป็นที่นั่งของผู้ที่มาศาล หรือเข้ามาฟังจำนวนโต๊ะยาว ฝั่งละ 2 ตัว นั่งได้ตัวละ 2 คน เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19
เอ่อ…เล็กกว่าที่คิด แต่ก็ไม่ได้ลดความตื่นเต้นลงแต่อย่างใด เราก็รอๆๆๆ รอจนกระทั่งผู้พิพากษาขึ้นบัลลังก์ เราก็นึกว่าจะเดินมาจากประตูทางเข้าเดียวกับเราเข้ามา ป่าวอ่ะ เข้ามาจากทางฝั่งของบัลลังก์
แล้วการพิจารณาคดี คือไม่ได้แบบมีคดีเราคดีเดียว อย่างนัดตอน 9:00น. ก็จะมีหลายคดี ถ้าจำไม่ผิดราวๆ 6-10 คดีเนี่ยแหละในช่วงเวลานั้นๆ
การพิจารณาคดีรอบนี้เหมือนไม่ได้เป็นแบบจริงจังเหมือนในซีรีย์อ่ะ ในซีรีย์ดูจริงจังโครตๆ บรรยากาศต้องกดดัน แต่พอไปเจอจริงๆ ก็คือไม่อ่ะ บรรยากาศก็ธรรมดาไม่ได้ทำให้เรารู้สึกกดดันจนจิตตกพูดอะไรไม่ออก ก็เตรียมเอกสารอะไรมา หรือมีความจริงอะไรต้องการจะพูดออกมาก็พูดได้เลย ผู้พิพากษาจะฟังคุณ
ก่อนจะถึงคดีตัวเอง ก็นั่งฟังคนอื่นไปก่อนได้ว่าคนอื่นเค้ามายังไง มีการถามอะไรบ้าง เราจะได้เตรียมตัวก่อนได้ พอนั่งฟังไปเรื่อยๆ ความตื่นเต้นก็ค่อยๆ ลดลงจนกลายเป็นปกติเลยอ่ะ ไม่ได้ตื่นเต้นละ อยากรู้มากกว่าว่าขั้นตอนแต่ละคนเป็นยังไง แต่รอบที่เคนไปเคนได้เร็วเสร็จเร็วอ่ะ เลยได้ฟังแค่ 2-3 คดีเท่านั้น
สิ่งที่แปลกใจคือ ผู้พิพากษาบนบัลลังก์ กับที่นั่งผู้พูดคดี มีระยะห่างราวๆ 2-3 เมตรเลยอ่ะ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้สงสัยมากๆ ว่าไกลขนาดนี้ผู้พิพากษาได้ยินได้ไง เรานั่งข้างผู้พูดเลย เรายังต้องตั้งใจเงี่ยหูฟังมากๆ ถึงจะได้ยิน (แต่ผู้พิพากษาเค้าได้ยินจริงๆ นะ)
สรุป
ในขั้นตอน นัดพร้อม ครั้งนี้โจทก์ก็ไม่มานะ ทำให้เราจ่ายเงินประกันตัว วางเอกสาร พยาน อะไรต่างๆ ที่ทนายจัดเตรียมก่อนหน้านี้เสร็จเรียบร้อยก็รอนัดมาคราวหน้าเลย จำไม่ได้ว่ารอบต่อไปคืออะไร แต่ว่าระยะเวลาที่ต้องมาศาล 2 วันติดกัน และใช้เวลาทั้งวัน แต่ละรอบจะห่างกันราวๆ 3 เดือน เพราะฉะนั้นรอบต่อไปของเราก็คือเดือนมกราคม 2564 เลย